สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้
การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมัน
ในการเรียนรู้ครั้งนี้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง
ซึ่งการถอดตัวอักษรเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทักษะความจำ และความแม่นยำ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการทับศัพท์ตัวอักษร ในที่นี้เป็นเรื่องการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงของราชบัณฑิตยสถาน
ซึ่งจำนวนตัวอักษรไม่ว่าจะเป็นของชาติใดก็จะมีเสียงที่ใกล้เคียงกันสามารถนำมาเทียบเคียงกันได้
ในการแปลภาษาไม่ว่าจะเป็นการแปลด้วยรูปแบบใดสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือต้องรักษาความหมายและโครงสร้างของต้นฉบับไว้ให้มากที่สุด
เน้นความถูกต้องและความแม่นยำ และในการถ่ายถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมัน เป็นการนำภาษาหนึ่งมาเขียนด้วยตัวอักษรอีกภาษาหนึ่ง
โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้อ่านคำไทยในตัวอักษรโรมันได้ใกล้เคียงกับคำเดิม
การถ่ายทอดเสียงของคำเดิมให้ใกล้เคียงมากที่สุดซึ่งการถ่ายทอดตัวอักษรจะมีบทบาทในการแปลทุกรูปแบบนั่นก็คือจะใช้คำนิยามหรือใช้คำทับศัพท์กับคำที่อธิบายบอกลักษณะตรงกับคำเดิมกับคำที่ใช้แทนชื่อเฉพาะสิ่งของต่างๆ
เช่น ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สานที่
และคำในภาษาต้นฉบับมีความหมายอ้างอิงถึงสิ่งที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม
และในการแปลด้วยตัวอักษรของภาษาต้นฉบับแปล
สิ่งที่ผู้แปลต้องคำนึงถึงคือหลักการปฏิบัติในการถ่ายทอดเสียงของคำนั่นก็คือเราต้องรู้ว่าคำนั้นออกเสียงอย่างไร
หลังจากนั้นก็หาตัวอักษรในต้นฉบับแปลมาเทียบเสียงว่าเสียงนั้นคล้ายกับตัวอักษรใด
และภาษาทุกภาษาส่วนมากตัวอักษรกับพยัญชนะจะมีเสียงตรงกันเป็นส่วนมาก
ทำให้ผู้แปลง่ายต่อการเทียบเสียงตัวอักษร
แต่ปัญหาที่เจอคือเสียงบางเสียงไม่มีใช้ในอีกภาษาหนึ่งทำให้ไม่สามารถเทียบเสียงกันได้
ที่เห็นได้ชัดคือในภาษาไทยนั้นมีวรรณยุกต์แต่ภาษาอังกฤษไม่มี
แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการเทียบเสียงมากหนักเพราะเขาได้ตัดการเทียบเสียงหนักเบาออก
และที่สำคัญขณะที่เทียบเสียงตัวอักษรแล้วได้เสียงใดเสียงหนึ่งแล้วควรที่จะใช้ตัวอักษรนั้นตลอดไป
ไม่ควรเปลี่ยนไปมา
และยังมีบางครั้งที่มีการยืมคำศัพท์มาใช้โดยการเขียนเป็นภาษาฉบับแปล
ควรที่จะใส่วงเล็บ () หาคำที่ใช้ยังไม่รุจักกันแพร่หลาย
จะเห็นได้ว่าพยัญชนะของไทยนั้นจะมีมากกว่าอักษรในภาษาอังกฤษทำให้อักษรหลายตัวต้องใช้คำศัพท์ที่ซ้ำกันเนื่องจากเสียงเหมือนกัน
เช่น ผ พ ภ =[ph-], ถ ท
ธ ฐ ฑ ฒ = [th-] แต่การเทียบอักษรอังกฤษนั้นต้นพยางค์กับท้ายพยางค์
ก็จะใช้ตัวอักษรที่ต่างกัน เช่น ย ญ ต้นพยางค์ [y-] และท้ายพยางค์คือ
[-n] นอกจากนี้ก็ยังมีสระ
สระในภาษาอังกฤษที่รู้จักกันดีก็มีอยู่ 5 ตัว
คือ a e i o u แต่ในที่ได้มีการผสมเสียงสระ
ทำให้เกิดเสียงสระในภาษาอังกฤษเหมือนกับภาษาไทย เช่น เอะ, แอะ = ae (แสวง)
เอือะ, เอือ =uea (สัญฉวี
สายยิง.หลัการแปล.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2538)
ดังนั้นในการเรียนรู้เกี่ยวกับการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันจะต้องคำนึงถึงคือต้องรักษาความหมายและโครงสร้างของต้นฉบับไว้ให้มากที่สุด
ซึ่งจำนวนตัวอักษรของไทยไม่เท่ากับอักษรของโรมันแต่ก็จะมีเสียงที่ใกล้เคียงกัน
ฉะนั้นจึงสามารถนำมาเทียบเคียงกันได้ ทำให้เกิดการแปลเช่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น